เสนาฯลุยโครงการ แนวราบ ลดเสี่ยง

เสนาฯลุยโครงการ แนวราบ ลดเสี่ยง

          เสนาฯหวนรุกแนวราบรอบ 10 ปีรับนิวนอร์มอล บาลานซ์พอร์ตลดเสี่ยง จากปัจจุบันสัดส่วนยอดขาย แนวราบ 15-16% จากรายได้รวม เผย 6 เดือนแรกยอดขายแนวราบ 500 ล้าน

          นายประกิต อัครเสรีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนดำเนินการธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการเปิดโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมมากขึ้น เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีหลังจากที่หันไปทำตลาดแนวสูง

          เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ดีมานด์ตลาดแนวราบเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนวิตกกังวลเรื่องการใช้พื้นที่ร่วมกัน ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้นเพื่อลดความในการติดเชื้อ ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนใหญ่หันไปทำแนวราบมากขึ้น เช่นเดียวกับเสนาฯ เนื่องจากยังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อ (เรียลดีมานด์) สวนทางกับตลาดแนวสูง ทำให้หลายค่ายชะลอโครงการออกไปก่อน เพราะพฤติกรรมความต้องการลูกค้าเปลี่ยนไปลูกค้าต้องการแนวราบมากกว่าคอนโดเพื่อตอบสนองกับวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ เช่น ทำงานที่บ้านมากขึ้น "จากก่อนที่เกิดโควิดบริษัทมีแผนที่จะหันมาขยายแนวราบมากขึ้น เพื่อบาลานซ์พอร์ตรายได้ระหว่างแนวราบกับแนวสูง เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ จากสมัยก่อนที่เสนาฯเกิดมาจากแนวราบ มาก่อนจึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่สะสม มาใช้พัฒนาโครงการแนวราบที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งและออกแบบฟังก์ชั่น การใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ล่าสุดยอดขายแนวราบมีสัดส่วน 15-16% จากรายได้รวมของบริษัทในอนาคตเพิ่มขึ้นกว่านี้"

          นายประกิต กล่าวว่า 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายแนวราบ 500 ล้านบาท คาดว่าตั้งเป้าสิ้นปี 1,800 ล้านบาท ซึ่งตามแผนที่ตั้งไว้ในปีนี้ บริษัทจะเปิดโครงการทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะเปิด 7 โครงการ ดังนี้

          ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการ "เสนา วิลล์ ลำลูกกา คลอง 6" พัฒนาทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่ม 22 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 138 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมที่จอดรถ 1 คัน ราคาเริ่ม 2.49 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายพรีเซลล์ในวันที่ 18-19 ก.ค. นี้ว่าจะมียอดขาย 20 ล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายจากหมอชิต-สะพานใหม่คูคต และถนนกาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกเป็นเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นทำเลใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคต และตอบโจทย์การใช้ชีวิต เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัย ทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาดสด สถานศึกษา สถานพยาบาล ตลอดจนเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อพื้นที่ต่างๆ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ : 15 กรกฎาคม 2563